สำหรับเด็ก ป 6
ในบรรดาพระมหาเถระ ๘๐ รูป
ที่ได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้เลิศในด้านต่างๆ
(เอตทัคคะ) มีพระราธะเป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับยกย่องว่า
เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย
นามเดิมท่านชื่อ ราธะ มาบวชเมื่ออายุแก่มากแล้ว
ช่วงปลายของชีวิตที่ลูกหลานไม่เลี้ยงท่าน
แม้ท่านจะแบ่งทรัพย์สินให้ลูกๆ
แต่ท่านกลับโดนทอดทิ้งจนต้องไปอาศัยกวาดลานวัดแลกกับอาหารที่พระภิกษุอนุเคราะห์ให้แก่ท่าน
ท่านก็ช่วยปัดกวาดดูแลวัดวาอาราม
หลายครั้งที่ท่านอยากจะขอบวชเป็นพระภิกษุ
แต่พระสงฆ์ก็ยังมิได้บวชให้ท่าน
วันหนึ่งราธะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าขณะพระองค์เสด็จไปโปรดราธะเป็นการเฉพาะ
จึงได้ถือโอกาสนี้ขอบวช พระพุทธเจ้าจึงเรียกประชุมพระสงฆ์
แล้วตรัสถามว่า ใครระลึกถึงคุณของราธะ
ใครจะช่วยปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่ราธะได้
พระสารีบุตรจึงกราบทูลว่า
ราธะเคยถวายข้าวทัพพีหนึ่งแก่ท่าน
ท่านจะเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ราธะและจะอบรมสั่งสอนราธะเอง
ด้วยเหตุนี้
พระสารีบุตรจึงได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีความกตัญญูรู้คุณ
จดจำแม้ข้าวทัพพีเดียวที่เคยได้รับจากราธะ
ความที่พระราธะบวชเมื่อแก่ จึงได้นั่งแถวท้ายๆ
ทำให้ได้รับอาหารน้อย จิตใจก็เศร้าหมอง
ปฏิธรรมแทบจะไม่ได้
พระสารีบุตรจึงพาท่านออกเดินทางไปปฏิบัติธรรมในป่า
ออกเดินธุงค์ เมื่อผ่านไปได้ระยะหนึ่งแล้ว
วันหนึ่งท่านได้พาพระราธะกลับมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าอีกครั้ง
พระพุทธเจ้าตรัสถามพระสารีบุตรว่า
สัทธิวิหาริก(ศิษย์)ของเธอเป็นคนเช่นไร
ท่านจึงกราบทูลไปว่า ราธะนี้แม้จะเป็นผู้บวชตอนแก่
แต่ก็มิได้มีอาการของคนกระด้างกระเดื่องเลย
แม้จะตามว่ากล่าวตักเตือน ติดตามสั่งสอนตลอดเวลา
ราธะก็ไม่ได้แสดงอาการว่ายากสอนยาก
กลับเป็นผู้รู้จักนอบน้อมถ่อมตน
รับฟังโอวาทด้วยความสงบเสงี่ยม ได้ชื่อว่าเป็น
ขันติโสรัจจะ ผู้มีความอดทนและสงบเสงี่ยมโดยแท้
พระองค์ตรัสถามอีกว่า ถ้าหากมีสัทธิวิหาริกเช่นนี้
จะรับไปดูแลสั่งสอนได้เท่าไร พระสารีบุตรกราบทูลว่า
มิจำกัดประมาณเลย
ข้อคิด บุคคลผู้ว่าง่ายสอนง่าย
ย่อมเป็นที่รักที่เอ็นดูของผู้ใหญ่
มิควรเลยที่จะแสดงอาการกระด้างกระเดื่อง
ควรที่จะเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ยกตนข่มท่าน
จะทำให้เราอยู่ในสังคมใดๆ ได้อย่างสงบสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น